นายสัญชัย ปอปลี ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คริปโตมายด์ กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ในระยะนี้ราคาสกุลเงินดิจิทัลบิตคอยน์ฟื้นกลับขึ้นมาสูงที่ระดับ 56,000 ดอลลาร์ หรือกว่า 2 ล้านบาทไทย ทำสถิติสูงสุดในรอบ 27 เดือน นับจากเดือน ธ.ค. 64 เนื่องจากนักลงทุนกลุ่มสถาบันมีการเข้าซื้อมากขึ้นเกือบ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนักลงทุนเข้าซื้อรอลุ้นการเลือกตั้งสหรัฐ รวมไปถึงบริษัทซอฟต์แวร์ไมโครสแตรทติจี ประกาศเข้าซื้อบิตคอยน์เพิ่มขึ้น
“ปีนี้จึงพูดได้ว่าเป็นช่วงถึงรอบกระทิง หรือการฟื้นตัวของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีอย่างแท้จริง หลังจากอยู่ในสภาวะหมีมา 2-3 ปี แต่ส่วนใหญ่ช่วงระยะนี้เป็นการซื้อของกลุ่มสถาบัน และนักลงทุนหน้าเดิมๆ มากกว่านักลงทุนรายย่อย รวมทั้งรายใหม่ๆ จากอดีตกลุ่มสถาบันเข้าลงทุนเพียง 2-3% เท่านั้น ทำให้คาดการณ์ว่าแนวโน้มปีนี้ราคาบิตคอยน์จะอยู่ในกรอบ 51,000-57,000 ดอลลาร์“คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ขณะเดียวกันคาดว่าหลังจากนี้บิตคอยน์จะมีโอกาสทำนิวไฮ หรือขึ้นไปสูงสุดได้ถึง 100,000 ดอลลาร์ และตามด้วย อีเธอร์เรียม ถือเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่น่าสนใจค่อยๆ กลับมาฟื้นตัวในรอบ 3-4 ปี คาดว่าปีนี้มีโอกาสทำนิวไฮที่ 8,000-10,000 ดอลลาร์ หลังจากกองทุนบริหารสินทรัพย์ชื่อดังยื่นขอทำกองทุนอีทีเอฟ (กองทุนรวมดัชนี) กับหน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังมีการพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ให้สามารถใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้นคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงของตลาดคริปโตฯ ปีนี้มองว่าขึ้นอยู่กับโลกการเงิน การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย สงครามระหว่างประเทศ รวมถึงเหตุการณ์ที่คาดเดาไม่ได้ ส่วนกรณีที่จะเกิดขึ้นเหมือนกรณีของซิปเม็กซ์นั้น มองว่าปัจจุบันผู้ลงทุนมีบทเรียนเยอะ และจะระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น อีกทั้งจะมีการกระจายลงทุนในหลายๆแพลตฟอร์มเพื่อลดความเสี่ยง
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันในประเทศไทยมีผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตฯ 9-10 ราย เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่มีเพียง 6 ราย ซึ่งทำให้เชื่อว่าปีนี้จะมีการแข่งขันของผู้ให้บริการที่ดุเดือดมากขึ้น โดยรายใหม่ต้องการแย่งส่วนแบ่งในตลาด ส่วนรายเก่าต้องการรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ โดยเฉพาะแพลตฟอร์มไบแนนซ์ กับออร์บิกซ์ ที่ถูกเปลี่ยนชื่อจากชื่อเดิมสตางค์ หลังธนาคารกสิการไทยเข้าไปซื้อหุ้น ถือเป็นกลุ่มที่น่าจับตาอย่างยิ่ง